กลยุทธ์การเทรดในเวฟที่ 3 (Elliott Wave) เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรที่ดีที่สุดในตลาด Forex
Elliott Wave Theory เป็นหนึ่งในแนวคิดการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด Forex โดยเป็นการศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบคลื่น ซึ่งมักสะท้อนถึงจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาด หลักการของ Elliott Wave แบ่งออกเป็น 5 คลื่นหลัก (Impulse Wave) และ 3 คลื่นปรับฐาน (Corrective Wave)
ซึ่งในบรรดาคลื่นทั้งหมด "เวฟที่ 3" (Wave 3) เป็นคลื่นที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่ราคามีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและสามารถสร้างโอกาสในการทำกำไรได้มากที่สุด
วันนี้เราจะมาศึกษาและเรียนรู้การเทรด Wave 3
Elliott Wave คืออะไร?
Elliott Wave แบ่งออกเป็น 2 โครงสร้างหลัก ได้แก่
Impulse Wave (คลื่นขาขึ้น 5 คลื่น) – คลื่นแนวโน้มหลัก ประกอบด้วยคลื่น 1-2-3-4-5
Corrective Wave (คลื่นขาลง 3 คลื่น) – คลื่นปรับฐาน ประกอบด้วยคลื่น A-B-C
🔹 โครงสร้างของ Impulse Wave (5 คลื่น)
Wave 1: จุดเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ ราคามีแรงซื้อเกิดขึ้น
Wave 2: การย่อตัวจากคลื่นแรก แต่ไม่ควรลงมาต่ำกว่าจุดเริ่มต้น
Wave 3: คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด มีแรงซื้อขายที่รุนแรง และมักเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด
Wave 4: การปรับฐานของตลาดหลังจาก Wave 3
Wave 5: คลื่นสุดท้ายของแนวโน้มขาขึ้น ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
🔹โครงสร้างของ Corrective Wave (A-B-C)
คลื่น A – คลื่นปรับฐานระยะแรก มักมีแรงขายเริ่มเข้ามากดดันราคา
คลื่น B – คลื่นรีบาวด์ชั่วคราว เกิดจากแรงซื้อสวนกลับ แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้
คลื่น C – คลื่นปรับฐานรอบสุดท้าย โดยมักมีแรงขายหนัก ทำให้ราคาปรับตัวลงลึกกว่าคลื่น A
🔹กฎ 3 ข้อของ Elliott Wave ที่ต้องจำ
หลักการของ Elliott Wave มี กฎ 3 ข้อสำคัญ ที่ต้องปฏิบัติตามเสมอในการนับคลื่น
📌 ถ้าผิดกฎเหล่านี้ = นับคลื่นผิด ต้องนับใหม่!
1) คลื่นที่ 2 ห้ามลงมาต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ คลื่นที่ 1
2) คลื่นที่ 3 ต้องไม่สั้นที่สุดเมื่อเทียบกับ คลื่นที่ 1 และคลื่นที่ 5
3) คลื่นที่ 4 ห้ามซ้อนทับกับช่วงราคาของ คลื่นที่ 1
ทำไมต้องเทรดในเวฟที่ 3 ?
เพราะ เวฟที่ 3 ถือเป็นคลื่นที่สำคัญและเป็น "Golden Zone" ของการเทรด เนื่องจาก
1️⃣ เป็นคลื่นที่มีแรงส่งสูงสุด และมักมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา 5 คลื่น
2️⃣ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวเป็นเทรนด์ที่ชัดเจน ทำให้สามารถใช้แนวรับ-แนวต้านและอินดิเคเตอร์ช่วยยืนยันได้
3️⃣ สามารถใช้ Fibonacci Extension วัดเป้าหมายของราคาได้ง่าย
📌 วิธีการหา Wave 3 และจุดเข้าเทรด
1️⃣ ระบุโครงสร้างของ Wave 1 และ Wave 2 เพื่อรอจังหวะการเกิด Wave 3
- ใช้ Elliott Wave Count เพื่อมองหาโครงสร้างของ Wave 1 และ Wave 2 ก่อน
- ตรวจสอบว่าคลื่นที่ 2 ไม่ย่อลึกเกิน 100% ของคลื่นที่ 1
- เมื่อราคาทะลุแนวต้านของ Wave 1 มักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ Wave 3
2️⃣ ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาแนวรับของ Wave 2
- วัด Fibonacci จากจุดต่ำสุดของ Wave 1 ไปจุดสูงสุดของ Wave 1
- Wave 2 มักจะย่อลงมาในโซน 38.2% - 61.8% Fibonacci Retracement ก่อนดีดขึ้น
3️⃣ หาจังหวะ Breakout ของ Wave 2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ Wave 3
เมื่อลาก Fibonacci Retracement แล้ว ให้เฝ้าดูพฤติกรรมของกราฟแท่งเทียนที่บริเวณแนวรับ โดยสังเกตสัญญาณ Price Action
✅ Bullish Engulfing – แท่งเทียนสีเขียวขนาดใหญ่กลืนแท่งก่อนหน้า เป็นสัญญาณการกลับตัว
✅ Pin Bar (Hammer) – แท่งเทียนมีไส้ล่างยาว แสดงถึงแรงซื้อเข้ามาที่แนวรับ
✅ Morning Star – แท่งเทียน 3 แท่งที่สื่อถึงการกลับตัวของขาขึ้น
✅ Breakout + Volume เพิ่มขึ้น – แสดงว่าแรงซื้อเริ่มเข้ามาและมีโอกาสเข้าสู่ Wave 3
4️⃣ รอการยืนยัน Breakout ก่อนเข้าเทรด
- ราคาเริ่มทะลุ แนวต้านของ Wave 2 หรือ High เดิมของ Wave 1
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้น ยืนยันแรงส่งของตลาด
- อาจใช้ Moving Average หรือ Trendline เพื่อช่วยยืนยันแนวโน้ม
✅ Moving Average (EMA 100): หากราคาตัด EMA 100 ขึ้นไป แสดงว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของ Wave 3
🔥เทรดตามแนวโน้มหลัก เพิ่มโอกาสทำกำไรสูงสุด!
ฝึกฝนการวิเคราะห์คลื่น Elliott Wave และพัฒนากลยุทธ์ของคุณเพื่อสร้างกำไรที่ยั่งยืน 💹